วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559

โกจิเบอร์รี่ หรือ เก๋ากี้

โกจิเบอร์รี่ หรือ เก๋ากี้

รูปภาพ โกจิเบอร์รี่ หรือ เก๋ากี้


   เโกจิเบอร์รี่ (Goji Berry) หรือ เก๋ากี้ หรือ Wolfberry มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lycium barbarum เป็นพืชตระกูลเดียวกับมะเขือเทศ เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งตระกูลเบอร์รีสีแดงมีลักษณะเป็นเมล็ดเล็กๆ มีถิ่นกำเนิดแถบทวีปเอเชีย นิยมรับประทานในหมู่ชาวจีน ผลที่สุกแล้วจะมีสีแดงเหมือนเลือด จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า "ฮ่วยกี้" เป็นยาบำรุงชั้นดี มีฤทธิ์ปานกลาง
โกจิเบอร์รี่ เป็นที่รู้จักมากขึ้นในช่วงต้นปี ค.ศ.2000 เนื่องจากมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง จนได้รับฉายาว่าซูเปอร์ฟรุต(Super Fruit) เพราะอุดมด้วยสารเบต้าแคโรทีน ไลโคปีน กรดไขมันไลโนเลอิก สารกลุ่มฟีโนลิก และซีแซนทีน 82-200 มิลลิกรัม
ด้วยสารอาหารข้างต้น จึงทำให้ โกจิเบอร์รี่ มีประสิทธิภาพสูงในการต้านโรคหัวใจและหลอดเลือด และช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ มีผลดีต่อตับ ลดไขมัน และน้ำตาลในเลือด เพราะมีสารโพลีแซกคาไรด์
จากการค้นคว้าและวิจัยของ Dr. Earl Mindell พบว่าผลเก๋ากี้ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีค่า ORAC (ประสิทธิภาพในการกำจัดอนุมูลอิสระ) ในปริมาณมากถึง 25,300 (ในขณะที่ลูกพรุนซึ่งมีค่า ORAC เป็นลำดับที่ 2 มีค่า ORAC เพียง 5,700 เท่านั้น)
ข้อมูลจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า เก๋ากี้ ประกอบด้วยกรดอะมิโน 18 ชนิด จาก 20 ชนิดที่ร่างกายใช้ในการสร้างโปรตีน

   เก๋ากี้ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ(Anti-Oxidant) ในกลุ่มโพลิฟีนอล(Polyphenol) และ ฟลาโวนอยด์(Flavonoid) สูงกว่าพืชทั่วๆไป มีใยอาหารสูงถึงร้อยละ 20 มีวิตามินซีสูงกว่าส้ม มีเบต้าแคโรทีน(Beta carotene) สูงกว่าแครอท ซึ่งเบต้าแคโรทีน  มีปริมาณวิตามินเอที่สูงมาก และมีแคลเซียมสูงกว่าบร๊อคโคลี่ มีแร่ธาตุที่สำคัญได้แก่ สังกะสี,เหล็ก,ทองแดง,แคลเซียม,เจอมันเนียม,เซเรเนียม และฟอสฟอรัส ยิ่งไปกว่านั้นเก๋ากี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนในหนังสือแพทย์แผนจีนร่วมสมัย The Pharmacopoeia of the People’s Republic of China ที่ออกโดยกระทรวงสาธารณสุขจีนและเป็นยอมรับว่าเป็นสมุนไพรที่ใช้เป็นยาบำรุงร่างกายในวงกว้าง

สรรพคุณโดยรวม

บำรุงร่างกาย ทำให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานสัมพันธ์กันได้ดี แก้อาการอ่อนเพลีย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยให้หัวใจแข็งแรง ช่วยสร้างเม็ดเลือดที่แข็งแรงเพิ่มขึ้น ช่วยระบบเจริญพันธุ์ เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ป้องกันอาการคลื่นไส้ของหญิงมีครรภ์ ลดอาการอักเสบของโรคไขข้ออักเสบ เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ และกระดูก ช่วยให้เหงือกแข็งแรง ปรับปรุงระบบการย่อย ลดความเครียด อาการปวดศีรษะ แก้อาการวิงเวียนศีรษะ ช่วยในการนอนหลับ ช่วยในเรื่องความจำ ทำให้รู้สึกสดชื่น บรรเทาอาการนอนไม่หลับ ปรับปรุงคุณภาพของการนอน ช่วยให้การออกกำลังกายได้นานขึ้น ช่วยขจัดความเมื่อยล้าและความเฉื่อยชา บำรุงตับ และไต
บำรุงสายตา จากงานวิจัยพบว่าเก๋ากี้ มีสารจำพวกซีแซนทีน(zeaxanthin) และลูทีน(lutein) สูงมากซึ่งสารสำคัญดังกล่าวเป็นสารจำพวกแคโรทีนอยด์(carotenoid) ที่ช่วยป้องกันและปรับสภาพแสง กรองแสงสีน้ำเงินที่เข้าสู่ตาที่มีอันตรายต่อตา ป้องกันการเสื่อมของเลนส์ตา และจอภาพเรตินา จากการทำลายของอนุมูลอิสระได้ ช่วยรักษาโรคตาบอดกลางคืน ช่วยบำรุงสายตาทำให้การมองเห็นเป็นปกติ นอกจากนี้ ผลเก๋ากี้ ที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งเบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ซึ่งพร้อมที่จะเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอได้ทุกเมื่อที่ร่างกายต้องการ หนึ่งในคุณสมบัติที่ดีของวิตามินเอ คือมีประโยชน์ในการบำรุงสายตา และแก้โรคตามัวตอนกลางคืน(Night Blindness) หากร่างกายขาดวิตามินเอจะทำให้มองเห็นได้ยากในเวลากลางคืนหรือในที่แสงสว่างน้อย เยื่อบุตาแห้ง กระจกตาเป็นแผล ในกรณีที่ร่างกายขาดวิตามินเออย่างรุนแรงอาจทำให้ตาบอดได้
เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ในผลเก๋ากี้มีสารโพลิแซ็กคาไรด์(Polysaccharides) ที่ช่วยกระตุ้นให้เซลเม็ดเลือดขาว (T & B lymphocyte) ปรับปรุงเซลล์เม็ดเลือดขาวให้ทำงานได้ดีขึ้น สร้างความแข็งแรงของเม็ดเลือด ป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้ เก๋ากี้มีสารพวกฟลาโวนอยด์(flavonoids) ที่ช่วยป้องกันเม็ดเลือดแดงไม่ให้อนุมูลอิสระมาทำลาย และช่วยกระตุ้นให้ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดได้
ต้านอนุมูลอิสระ เก๋ากี้อุดมด้วยวิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินซี และสารฟลาวานอยด์ในปริมาณที่สูง ซึ่งสารอาหารเหล่านี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยปกป้องเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ช่วยดูแลเรื่องผิวพรรณ ชะลอความชรา
ต้านเซลล์มะเร็ง เก๋ากี้สามารถหยุดการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ลดความเสี่ยงต่อภาวะมะเร็ง สารต้านอนุมูลอิสระในผลเก๋ากี้ ช่วยทำลายป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง ทั้งยังพบว่าเบต้าแคโรทีนสามารถช่วยกระตุ้นเซลล์ภูมิต้านทานในร่างกายให้ทำงานต้านสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น ซึ่งให้ผลดีกับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง มีผลการศึกษาที่ได้รับการบันทึกลงในวารสารจีนเกี่ยวกับเนื้องอกว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็ง มีการตอบสนองในการรักษาโรคมะเร็งดีขึ้นเมื่อมีการนำผลเก๋ากี้มาเป็นส่วนหนึ่งในการรักษา และยังช่วยอาการข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีคีโมและฉายรังสีด้วย
ลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด ต้านเบาหวาน ช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต ยับยั้งการเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด ช่วยให้หัวใจแข็งแรง เนื่องจากในเก๋ากี้มีสารพวกไซเพอโรน(cyperone) ซึ่งมีผลดีต่อหัวใจและความดันเลือด นอกจากไซเพอโรนยังมีสารแอนโทโซยานินส์(anthocyanins) ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง มีเบต้า-ซิโตสเตอรอล(beta-sitosterol) ซึ่งสามารถช่วยรักษาระดับคอเลสเตอรอลดี(HDL) จากการทดสอบทางคลินิกพบว่า สามารถลดการเกิดอนุมูลอิสระของไขมันได้ 20% นอกจากนี้ยังมีสารฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่ช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยยับยั้งปฏิกิริยาการเกิดคอเลสเตอรอลไม่ดี(LDL) และไตรกลีเซอไรด์ที่สาเหตุของโรคหัวใจเนื่องจากเส้นเลือดตีบ
ส่งเสริมการทำงานของตับ พบว่าสารสำคัญซีรีโบรไซด์(cerebroside) ในเก๋ากี้ช่วยส่งเสริมการทำงานของตับให้เป็นปกติ
เสริมความจำและคลายเครียด บีเทนในเก๋ากี้ ช่วยให้เกิดการสร้างสารโคลีน (choline) ซึ่งเป็นสารประกอบที่ช่วยเสริมความจำให้ดีขึ้น ช่วยให้ร่างกายปรับตัวเพื่อควบคุมความกังวลและความเครียดให้ลดลงอยู่ในสภาวะปกติ ด้วยเหตุนี้เก๋ากี้จึงมีชื่อเรียกอย่างว่า แฮปปี้เบอร์รี่ (happy berry) ทำให้มีอารมณ์ที่สดชื่นแจ่มใส
ช่วยระบบเจริญพันธุ์ ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเทสโตสเตอโรน (Testosterone) ในเลือด
ข้อควรระวัง: โกจิเบอร์รี่ลดการแข็งตัวของเลือด ทำให้เลือดหยุดไหลช้า ดังนั้น จึงควรหยุดรับประทานโกจิเบอร์รี่ในรูปผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 1 อาทิตย์ ก่อนการผ่าตัด หรือทำฟัน
 



 

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น